5G ดีขึ้นทุกที่ ดีที่สุด สำหรับ IoT

18/12/2018

ในเมื่อของใหม่ย่อมดีกว่าของเก่า เครือข่าย 5G ก็เช่นกัน แต่ก่อนจะรู้จักกับ 5G มากขึ้น เรามาทำความรู้จักกับทั้ง 4 Generation ที่แล้วกันก่อนดีกว่า

1G คุยกันได้ผ่านมือถือ ไม่จำเป็นต้องใช้โทรศัพท์บ้าน ยุคเริ่มแรกของเครือข่ายสัญญาณโทรศัพท์มือถือ รูปแบบสัญญาณเป็นแบบ Analog หรือสัญญาณวิทยุ ทำให้สามารถสื่อสารกันด้วยเสียงเท่านั้น และความครอบคลุมของสัญญาณค่อนข้างจำกัด

2G สัญญาณคมชัดและครอบคลุมมากขึ้น ส่งข้อความหากันได้ เปลี่ยนจากสัญญาณ Analog เป็นแบบ Digital ทำให้มีความครอบคลุมมากขึ้น และรองรับการส่งข้อความ SMS โดยในช่วงปลายของยุค 2G เริ่มมีการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านทาง GPRS, Edge แต่ยังมีประสิทธิภาพค่อนข้างจำกัด

3G มือถือเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ทำให้ Smartphone เริ่ม Smart อย่างแท้จริง การเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตสำหรับ Smartphone มีประสิทธิภาพมากขึ้น ครอบคลุมมากขึ้น และเป็นแบบ Always On จากเดิมที่การเชื่อมต่อแต่ละครั้งจะต้องมีการ Log In ในยุค 2G (ความเร็วในการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต 14.4 Mbps)

4G อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง ทำให้มือถือกลายเป็นโน๊ตบุ๊คเครื่องเล็ก พัฒนาขีดความสามารถของการรับส่งสัญญาณให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รองรับการส่งข้อมูลจำนวนมาก เช่นการดูวีดีโอแบบไม่กระตุก, การใช้งาน Video Call, Video Conference เป็นต้น (ความเร็วในการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต 100 Mbps – 1 Gbps)

5G พัฒนาจาก 4G อย่างไร

- Latency การตอบสนองที่ไว้ขึ้นในแทบจะทันที ที่ประมาณ 3-4 ms ลดลงจาก 4G ที่มีค่า Latency ประมาณ 20-30 ms หรือประมาณ 10 เท่าเลยทีเดียว

- Data Traffic รองรับการรับส่งข้อมูลที่มากขึ้นเป็น 50 Exabytes ต่อเดือน จากที่ 4G สามารถรับส่งข้อมูลได้ประมาณ 7.2 Exabytes ต่อเดือน

- Peak Data Rates ความเร็วเพิ่มขึ้น ความเร็วสูงสุดในการรับส่งข้อมูลจะอยู่ที่ประมาณ 20 Gbps หรือประมาณ 20 เท่าจาก 4G

- Available Spectrum ความถี่สำหรับใช้งาน เพิ่มขึ้นเป็น 30GHz จากที่ 4G อยู่ที่ 3 GHz

- Connection Density ความหนาแน่นของการใช้งาน เพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 1 ล้านคนต่อพื้นที่ 1 ตร.กม. จาก 1 แสนคนต่อ 1 ตร.กม.

ประโยชน์หลักๆของ 5G

- ความเร็วที่มากขึ้น ทำให้เราสามารถดูวีดีโอความละเอียดสูงระดับ 4K ได้แบบไม่กระตุก ดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ได้เวลาไม่กี่นาที

- รองรับ IoT มากขึ้น การเชื่อมต่อ Internet of Things ที่ครอบคลุมมากขึ้น รองรับจำนวนเชื่อมต่อที่มากขึ้นประมาณ 10 เท่าตามการเติบโตของ IoT ในอนาคต และสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ IoT ต่างๆผ่านเครือข่ายมือถือได้โดยตรง ไม่จำเป็นต้องผ่าน WiFi

- ตอบสนองทันทีไม่มีหน่วง ทำให้เทคโนโลยีที่ต้องการการตอบสนองทันทีมีความเป็นไปได้มากขึ้น เช่นเทคโนโลยี VR, AR ที่มีความละเอียดซับซ้อนมากขึ้น, Smart Car ที่ฉลาดและมีการเชื่อมต่อมากขึ้น เป็นต้น

ถ้าจะสรุปว่า 5G คืออะไร ก็คือเครือข่ายมือถือที่เร็วและครอบคลุมกว่า 4G ประมาณ 10 เท่าในแต่ละด้าน ซึ่งประโยชน์ที่เห็นได้ชัดจากการพัฒนาเป็น 5G คือการการใช้งาน Internet of Things ที่ครอบคลุมและสเถียรมากยิ่งขึ้น และการใช้เทคโนโลยีที่ใช้การเชื่อมต่อระยะไกลที่ต้องการความละเอียด ทำให้เทคโนโลยีต่างๆมากมายที่กำลังพัฒนาสามารถก้าวต่อไปได้ไม่มีสะดุดนั่นเอง

TOP